นักเดินทางเฒ่า : เป้ สีน้ำ main

          รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานีในยามใกล้ค่ำ

          ผู้เฒ่าริมหน้าต่างหลับตาลงด้วยความระโหยอ่อน ในความงีบหลับที่ไม่มั่นคง มือกร้านเกาะเกร็งอยู่บนขอบหน้าต่าง รถขับเคลื่อนไปด้วยแรงฉุดกระชาก ศรีษะโขยกขยับไปตามท่วงทีของความชรา เข้าสู่ภวังค์ของการหลับไหลอย่างสุดที่จะทานทน..

          ภาษาความหลับของชายผู้นี้ สื่อสารตัวมันออกมาอย่างไร้การปิดบัง ดวงตาปะหลับปะเหลือก กับอาการผวากระตุก ในบางขณะคือการหลับอย่างคนหลับที่หวั่นไหวต่อการถูกรบกวน มันอาจเป็นความฝันสั้นๆ จากเรื่องราวที่ตามติดมาคุกคามอีกครั้ง เพื่อความอ่อนล้าจะได้คลายเกลียวออกไปอย่างแท้จริง พอที่จะให้ชีวิตได้ดำเนินต่อไปสู่จุดหมายของความไม่จบสิ้น และดูเหมือนว่า ความโหดร้ายของชีวิตใช่อยู่ที่ต้องประคองลมหายใจให้ผ่านไปในแต่ละวันแต่มันคือ บ่าทั้งสองที่แบกภาระของการหายใจ ที่ใจมิได้พึงปรารถนา

"ลุงจะไปไหน ? " เป็นคำถามเดียวที่ผุดขึ้นในใจ

          ฉันไม่ได้มากับชายผู้นี้ เราเพียงอยู่เบื้องหน้าของกันและกัน รู้จักกันในฐานะของคนเดินทาง และต่างมีจุดหมายที่ต่างซ่อนอยู่ในใจ

          "ไม่มีคนแปลกหน้า มีแต่มิตรที่เพิ่งรู้จักกัน" นักเดินทางผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้ ฉันก็รู้สึกเช่นนั้นกับนักเดินทางเฒ่าผู้ทรุดโทรมผู้นี้ ผู้ซึ่งราวถูกชีวิตหล่อหลอมไว้ด้วยริ้วรอย ริ้วรอยแห่งความเมตตาและความทารุณ ริ้วรอยแห่งความมีอยู่และความสูญเสีย ริ้วรอยแห่งความทุกข์และความสุข ริ้วรอยที่ผ่านมา…อันยาวนาน ถูกประดับไว้อย่าบรรจงบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น บนมือ, เท้าที่หยาบกร้าน บนความโดดเดี่ยวของชีวิตในบั้นปลาย

          เมื่อรถไฟเข้าสู่สถานี เปลือกตาทั้งสองค่อยขยับขึ้นทีละข้าง รอยย่นบนเปลือกตาและความงัวเงียถูกสลัดไว้เบื้องหลัง แกมองมายังผู้อยู่เบื้องหน้าและยิ้มให้อย่างตั้งใจ ในนาทีนั้นฉันพบดวงตาที่แจ่มใสอย่างน่าประหลาด

ดูเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าสูงสุด เท่าที่จะหาได้จากชายผู้นี้

          ผู้โดยสารเริ่มบางตา ผู้คนทยอยลงตามสถานีรายทางที่ขบวนรถเทียบจอด แต่แกไม่ลง เสียงสัญญาณก่อนการเคลื่อนขบวนดังขึ้นอีกครั้ง และไม่ทันที่คำถามจะถูกกล่าวออกไป แกก็หลับตาลงอีก อย่างผู้เฒ่าคนเดิม

          นอกกรอบหน้าต่าง ขอบฟ้าเลือนลางอยู่ไกล ต้นไม้วูบไหวอยู่ใกล้ ผ่านไปอย่างไม่ทันจับรูปทรง ลู่ไปตามทิวไม้ที่ไกลห่าง หายลับไปด้วยฝีเท้าของระยะทาง

สองข้างทางรถไฟจะตกแต่งการเดินทางที่เหนื่อยหน่ายให้ผ่อนคลาย จะเจือจางความคิดกังวลให้เลือนหาย ท้องฟ้าจะทักทายด้วยสีสรรพ์เบื้องหน้าของความเปลี่ยนแปลง สายลมจะปลอบโยนดั่งเพื่อนผู้หยั่งรู้ถึงเหตุของความหม่นหมอง ช่วงเวลาอันยาวนานถูกลบล้างด้วยระยะทางที่ผ่านไป บนตู้รถไฟมีอยู่เพียงขณะเดียวคือการเดินทาง และในครั้งนี้การเดินทางไม่โดดเดี่ยวและดูว่างเปล่า

          ฉันพบมิตรที่เพิ่งรู้จักวันนี้ มิตรผู้อยู่ในโลกของความหลับ มิตรผู้ไม่รับรู้วันเวลา ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองท้องฟ้า ทิวทัศน์สองข้างทางไม่มีความหมายต่อเขา เขาเป็นนักเดินทางที่ไร้ห้วงเวลา ไร้สัมภาระ นักเดินทางผู้มีจุดหมายปลายทางที่คลุมเครือ ไร้ร่องรอยให้คาดเดา และฉันก็สุดที่คาดเดา

          เมื่อสถานีสุดท้ายมาถึง ความเร็วอันคงที่ที่มากับเสียงฉุดกระชากค่อยผ่อนตัวมันเองลง หัวขบวนคลานเข้าสู่เพิงพักแห่งชานชาลา เสียงล้อเหล็กบดสีกับรางอย่างช้าๆ ขบวนรถที่เหยียดยาวทิ้งผู้โดยสารไว้เพียงสองคน

          ท่ามกลางแสงไฟดวง ลุงตื่นขึ้น ขยับตัว และมองมาทางฉัน ในโอกาสสุดท้ายก่อนการจากไป ฉันขยับที่จะกล่าวลา แม้จะเป็นประโยคแรกของการทักทาย และก่อนจากกันฉันขอมองมิตรผู้ร่วมทางผู้นี้ให้เต็มตา

          แต่ดวงตาที่แจ่มใสคู่นั้นทำให้ริมฝีปากของฉันต้องปิดลงสนิท

          มันเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดของมันแล้ว แววตานั้นอ่อนโยนซึมเซา ว่างเปล่าไร้ความหวาดกลัว เป็นแววตาที่เลื่อนลอย ดูดาย ไร้ความปรารถนาและชาชินกับสิ่งที่อยู่รายรอบ

          และวันนี้ รถไฟขบวนสุดท้ายก็ถึงแก่เวลาพักผ่อน นักเดินทางผู้นั้นยังนั่งอยู่ที่เดิมค่อยซบหน้าลงบนหน้าต่างบานเก่า หลับตาลงอีกครั้งอย่างเชื่องช้า

และ คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจฉันตลอดการเดินทาง ก็ตอบตัวของมันเอง


Warning: main(/www/peseenam.net/www/peseenam/footer.inc) [function.main]: failed to open stream: No such file or directory in /www/peseenam.com/www/article/article5/005_2.php on line 100

Warning: main() [function.include]: Failed opening '/www/peseenam.net/www/peseenam/footer.inc' for inclusion (include_path='.:/usr/local/share/pear:/usr/local/share/adodb') in /www/peseenam.com/www/article/article5/005_2.php on line 100